ในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ซิตี้ได้โชว์ฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นเต้นเมื่อพวกเขาพลิกสถานการณ์เอาชนะบอร์นมัธ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของเอฟเอคัพได้สำเร็จ แม้ว่าในระหว่างการแข่งขันจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้หวาดเสียวเมื่อเออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเก่งได้รับบาดเจ็บ แต่ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของพวกเขา
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของฮาลันด์
เกมนี้เริ่มต้นด้วยการที่แมนเชสเตอร์ซิตี้กดดันบอร์นมัธอย่างหนักในช่วงต้นเกม โดยมีโอกาสหลายครั้งที่จะขึ้นนำ แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในช่วงแรกคือจังหวะที่เออร์ลิง ฮาลันด์ได้ยิงจุดโทษในนาทีที่ 14 แต่เคป้า อารีซาบาลากา ผู้รักษาประตูของบอร์นมัธโชว์เซฟสุดสวย ปฏิเสธประตูไปได้ สองนาทีถัดมา ฮาลันด์พลาดโอกาสทองอีกครั้ง เมื่อเขายิงบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดายแม้จะเสียโอกาสไป แต่ฮาลันด์ก็ไม่ยอมแพ้และกลับมาแก้ตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยในนาทีที่ 49 ฮาลันด์ได้รับบอลจากนิโก โอเรลลี่ แล้วจัดการยิงเข้าไปอย่างแม่นยำส่งบอลตุงตาข่ายตีเสมอให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ได้สำเร็จ 1-1 นี่คือการแสดงความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาอย่างแท้จริง
เหตุการณ์บาดเจ็บที่ทำให้แฟนบอลหายใจไม่ทั่วท้อง
ในขณะที่ซิตี้ดูเหมือนจะควบคุมเกมได้ ฮาลันด์กลับมาประสบปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้าอย่างรุนแรงในนาทีที่ 56 จากการปะทะกับลูอิส คุก แม้ว่าเขาจะพยายามเล่นต่อไป แต่ในที่สุดเขาก็ต้องเดินออกจากสนามไปในที่สุด โอกาสที่ฮาลันด์จะกลับมาลงเล่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก และมันสร้างความวิตกกังวลให้กับทั้งแฟนบอลและผู้จัดการทีมอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอลาหลังเกม กวาร์ดิโอลายังไม่ได้ยืนยันว่าบาดเจ็บของฮาลันด์จะหนักแค่ไหน แต่เขาได้กล่าวว่า "เราต้องรอดูอาการของเขา มันยังไม่ชัดเจนในตอนนี้" แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของฮาลันด์ แต่ซิตี้ก็ยังคงมีความหวังในการทำประตูจากตัวสำรอง
มาร์มูชซุปเปอร์ซับ ทำประตูชัยให้ซิตี้
การเข้าแทนที่ของโอมา มาร์มูชแทนที่ฮาลันด์ในนาทีที่ 58 กลายเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แฟนบอลซิตี้ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะในช่วงที่เขาพึ่งจะลงสนามเพียงแค่สองนาที เขาก็โชว์ความสามารถโดยการทำประตูให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ขึ้นนำ 2-1 หลังจากที่แอนโทนี เซเมนโย กองหลังของบอร์นมัธลื่นล้มในการสกัดบอล และมาร์มูชไม่พลาดโอกาสที่จะยิงประตูเข้าไปใต้ตัวผู้รักษาประตูของบอร์นมัธ ทำให้ซิตี้พลิกสถานการณ์ขึ้นนำและเก็บชัยชนะได้สำเร็จ
การรักษาฟอร์มและการผ่านเข้าสู่รอบรอง
ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของเอฟเอคัพได้เป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน แม้ว่าผลงานในลีกจะไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร โดยทีมยังคงรั้งอันดับที่ 5 และตามหลังจ่าฝูงถึง 22 แต้ม แต่การผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในรายการเอฟเอคัพนี้ ถือเป็นการเติมเต็มความหวังในการคว้าแชมป์ถ้วยนี้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งจะเป็นแชมป์เอฟเอคัพครั้งที่ 8 ของสโมสร และครั้งที่ 3 ในการคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา
การเตรียมตัวสำหรับรอบรองชนะเลิศ
การแข่งขันนัดถัดไปสำหรับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในรายการเอฟเอคัพ คือการพบกับทีมที่ชนะในเกมระหว่างแอสตัน วิลลาและคริสตัล พาเลซ ที่สนามเวมบลีย์ในเดือนหน้า เกมนี้จะเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่น่าจับตา เพราะทั้งสองทีมต่างก็มีฟอร์มที่ดีและสามารถสร้างความตื่นเต้นในรอบนี้ได้เช่นกันเปรสตัน เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศครั้งแรกในรอบ 60 ปีในขณะที่แมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จในรอบนี้ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ กลับเป็นทีมที่สร้างความประหลาดใจในฤดูกาลนี้ เมื่อพวกเขาผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของเอฟเอคัพได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1965-66 ทีมเดียวที่ไม่ใช่ในพรีเมียร์ลีกที่เหลืออยู่ในรอบนี้
บทสรุป ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ
หลังจากการแข่งขันที่ตื่นเต้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ นและเต็มไปด้วยอารมณ์ แมนเชสเตอร์ซิตี้ก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของเอฟเอคัพได้สำเร็จด้วยชัยชนะเหนือบอร์นมัธ 2-1 ถึงแม้จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของฮาลันด์ แต่ก็มีผู้เล่นคนอื่นๆ อย่างมาร์มูชที่สามารถทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศในเดือนหน้า จะเป็นบททดสอบสำคัญที่แมนเชสเตอร์ซิตี้ต้องการชนะ เพื่อหวังคว้าแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 8 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร